๑. กู้ยืม
ผู้กู้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้ทั้งสี่ฉบับโดยนำมาเรียงใส่กระดาษคาร์บอน
ลงชื่อครั้งเดียว ถือว่าสัญญากู้ทั้งสี่ฉบับมีลายมือชื่อผู้กู้ผู้ต้องรับผิด
แม้ลายมือชื่อ ก. ในสัญญากู้ที่มอบให้แก่ ค. ง. และ จ.
จะเป็นรอยกดที่เกิดขึ้นจากาการลงลายมือชื่อของ ก. ที่ลงไว้ในฉบับของ ข.
ก็เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่า ก.
ตั้งใจจะลงลายมือชื่อให้ปรากฏในสัญญาทุกฉบับด้วยตนเอง
จึงถือได้ว่าสัญญากู้ที่มอบให้แก่ ค. ง. และ จ. มีลายมือชื่อ ก.
ผู้ต้องรับผิดแล้ว ค. ง. และ จ. ย่อมฟ้องเรียกเงินกู้จาก ก. ได้ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๖๕๓
๒. ผู้กู้เงินเกินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไป
ผู้กู้อนุญาตให้บุตรลงลายมือชื่อในสัญญาแทนไม่ได้
หลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่สมบูรณ์ ฟ้องร้องไม่ได้
การกู้ยืมเงินเกินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไป
ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ
จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๖๕๓ วรรคหนึ่ง ดังนั้น
แม้ลายมือชื่อนางรวยผู้ให้กู้เป็นลายมือชื่อปลอม
ก็หามีผลกระทบต่อหลักฐานการกู้ยืมเงินแต่อย่างใดไม่ (ฎีกาที่ ๖๙๓๐/๒๕๓๗)
และเมื่อกิจการอันใดซึ่งกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ
บุคคลผู้จะต้องทำหนังสือไม่จำต้องเขียนเอง
แต่หนังสือนั้นต้องลงลายมือชื่อของบุคคลนั้น ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง
กรณีที่นายจนให้บุตรเป็นผู้ลงลายมือชื่อแทน
ไม่มีกฎหมายให้อำนาจลงลายมือชื่อแทนกันได้
แม้นายจนเจ้าของลายมือชื่ออนุญาตหรือให้ความยินยอม ก็ลงลายมือชื่อแทนกันไม่ได้
(ฎีกาที่ ๑๕๒๖/๒๕๒๕)
เมื่อนายจนไม่ได้ลงลายมือชื่อผู้กู้ในสัญญากู้ที่นางมีนำมาฟ้องด้วยตนเอง
โดยบุตรลงลายมือชื่อแทน เช่นนี้ ไม่มีผลผูกพันนายจน
ทั้งหาใช่เป็นกรณีที่นายจนเชิดให้บุตรเป็นตัวแทนกู้เงินนางรวยไม่ (ฎีกาที่
๖๙๖/๒๕๒๒)
|